ความคงตัวของเม็ดยาวิตามินซีในภาชนะแบ่งบรรจุ |
| โดย: ดาวใจ สุทธิธารธวัช,ทิพย์วรรณ จันทร์ไท ปีการศึกษา: 2542 กลุ่มที่: 15 อาจารย์ที่ปรึกษา: พิสมัย กุลกาญจนาธร , ชุติมา มัธยัสถ์สุข ภาควิชา: ภาควิชาเภสัชเคมี Keyword: , |
| บทคัดย่อ: ปัจจุบันมีรายงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบทบาทของวิตามินซี ต่อสุขภาพร่างกายของมนุษย์ในการป้องกันหวัด ป้องกันโรคลักปิดลักเปิด ที่สำคัญพบว่า วิตามินซีสามารถลดการเจริญของเซลล์มะเร็ง และลดอัตราการเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งจะใช้วิตามินซีในปริมาณสูง และเป็นระยะเวลานานๆ ภาชนะที่ใช้ในการแบ่งบรรจุยาจึงมีความสำคัญต้องรักษาคุณภาพของยาได้ดี ภาชนะแบ่งบรรจุมีหลายชนิดได้แก่ ขวดแก้วสีชา ขวดแก้วใส ขวดพลาสติกทึบแสง ขวดพลาสติกใส และถุงพลาสติกบรรจุยา โครงการพิเศษนี้ทำการศึกษาความคงตัวของวิตามินซีในภาชนะแบ่งบรรจุชนิดต่างๆ โดยเก็บในสภาวะเร่งและวิเคราะห์ปริมาณของวิตามินซี ที่เหลืออยู่ในแต่ละภาชนะ ณ เวลาต่างๆ กัน ด้วยวิธี colorimetry และทดสอบอัตราการละลายของยาเม็ดโดยใช้ USP dissolution apparatus ผลการทดลองสรุปว่าชนิดของภาชนะแบ่งบรรจุที่เก็บวิตามินซีในสภาวะเร่งไม่มีผลต่อปริมาณของวิตามินซี แต่จะมีผลต่อการละลายของยาเม็ด ซึ่งอัตราการละลายของยาเม็ดในภาชนะแบ่งบรรจุ เรียงลำดับจากเร็วไปช้าดังนี้ ขวดแก้วใส,ขวดพลาสติกใส, ขวดพลาสติกทึบแสง และถุงพลาสติกใส และมีผลแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% |
| abstract: There were many papers supporting that ascorbic acid (vitamin C) is essential not only for the prevention of scurvy but also for human health. The incidence of certain tumors, and the severity of the common cold could be decreased. It was also shown that ascorbic acid supplements were safe. It was alleged that degradation products of ascorbic acid in aged tablets were potentially harmful to the consumers. Tablets of ascorbic acid were the most commonly dosage form found. Then dispensing containers were designed to maintain the stability and the integrity of the tablet. This project aimed to study the stability of vitamin C tablet in dispensing containers under accelerating condition. Ascorbic acid was determined by colorimetric method and the dissolution of tablet was determined by USP dissolution apparatus.The results showed that there were no significant difference in the amount of ascorbic acid but significant difference in dissolution profile (P<0.05). |
| . |