การสำรวจเจตคติของวัยรุ่นหญิงในการใช้ยาคุมกำเนิด ชนิดรับประทานเพื่อรักษาสิว

โดย: กานต์ธีรา ทิพชัย ,ชีวรัตน์ ชัยสำโรง    ปีการศึกษา: 2550    กลุ่มที่: 36

อาจารย์ที่ปรึกษา: บุษบา จินดาวิจักษณ์    ภาควิชา: ภาควิชาเภสัชกรรม

Keyword: เจตคติ , ยาเม็ดคุมกำเนิด , สิว , perception, contraceptive pills, acne
บทคัดย่อ:
ในปัจจุบัน การใช้ยาประเภทฮอร์โมนเป็นทางเลือกหนึ่งที่ใช้ร่วมไปกับยาอื่นเพื่อรักษาสิวในผู้หญิง โดยมีข้อแนะนำให้ใช้ในผู้ที่มีข้อบ่งใช้เฉพาะ แต่ไม่เจาะจงว่าจะเป็นผู้หญิงแต่งงานแล้วเท่านั้น การศึกษานี้จึงจัดทำขึ้นเพื่อสำรวจเจตคติของวัยรุ่นหญิงในการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทานเพื่อรักษาสิว ทำการศึกษาโดยการส่งแบบสอบถาม 500 ฉบับ สอบถามนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย ได้รับการตอบกลับ 337 ฉบับ (ร้อยละ 67.4) ผลการศึกษาพบว่า ร้อยละ 92.1 ระบุว่าเป็นสิวในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา และส่วนใหญ่ระบุว่าสิวมีผลกระทบต่อตัวเองในระดับ ปานกลาง ( รอยละ 52.5) ซึ่งผลกระทบที่ทำให้เกิดความไม่พอใจมากที่สุดคือ ทิ้งรอยแผลเอาไว้ ทำให้ไม่พอใจในรูปลักษณ์ (ร้อยละ 47.2) ผู้ที่เคยรักษาสิวแบบใช้ยารับประทานคิดเป็นร้อยละ 43.6 โดยส่วนใหญ่ทราบว่าเป็นกลุ่มยาปฏิชีวนะ (ร้อยละ 82.4) และมีเพียงร้อยละ 2.9 เท่านั้นที่เคยมีโอกาสใช้ยาคุมกำเนิด ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 91.7 รู้จักยาคุมกำเนิด แต่มีเพียงร้อยละ 55.2 ที่ทราบว่ายาคุมกำเนิดมีฮอร์โมนเพศเป็นส่วนประกอบ และร้อยละ 34.1 ที่ทราบว่าว่ายาคุมกำเนิดสามารถใช้รักษาสิวในผู้หญิงที่มีฮอร์โมนเพศชายสูงได้ โดยได้รับข้อมูลมาจากเพื่อน โฆษณา แผ่นพับความรู้ อาจารย์สอน แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำ ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 88.6 คิดว่ายาคุมกำเนิดอาจก่อให้เกิดอาการข้างเคียงได้ โดยส่วนใหญ่คิดว่าทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ (ร้อยละ 60.1) รองลงมาคือน้ำหนักเพิ่ม (ร้อยละ 55.5) ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 27.5 คิดว่าทุกคนสามารถใช้ยาคุมกำเนิดได้ โดยผู้ที่สมควรได้รับการรักษาด้วยยาคุมกำเนิดมากที่สุดควรเป็นคนที่เป็นสิวรุนแรง ในด้านการยอมรับ พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 62.6 ไม่คิดจะเลือกใช้ โดยสาเหตุอันดับแรกที่ทำให้ปฏิเสธการใช้คือ กลัวผลข้างเคียง (ร้อยละ 34.1) ผลจากการศึกษาแสดงว่า เภสัชกรควรมีส่วนร่วมในการดูแลปัญหาจากสิวในวัยรุ่นหญิงให้มากขึ้น โดยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการใช้ยารักษาสิวที่ใช้กันอยู่แล้วและยาคุมกำเนิด อย่างถูกวิธีและเหมาะสม ตลอดจนให้คำปรึกษาเพื่อลดหรือป้องกันอาการข้างเคียง
abstract:
Use of contraceptive pills in addition to other drugs is nowadays a method of the acne treatment. It is indicated in specific case, but not only for married women. This study was conducted with the objective to survey female adolescence’s attitude towards the treatment of acne with contraceptive pills. Five hundred questionares were sent to female students who were studying in grade 10 – 12 of Santirat School. Three hundred and thirty seven questionnaires were returned (67.40%). The results showed that 92.1% of students suffered from acne in the past year and mostly thought that acne was a moderate problem (52.5%). The most impact of having acne was scar on their faces leaving unsatisfied look (47.2%). There were 43.6% of students taking oral medicines to treat acne. Most of them knew that they took antibiotics (82.4%), and only 2.9% had a chance to take oral contraceptive pills (OC). The 91.7% of respondents heard about OC before but 55.2% of them knew that OC contained sex hormones and only 34.1% knew that OC could be used to treat acne in women with high level of male sex hormone. Information was transferred to them by friends, advertisements, pamphlets, teachers, doctors and pharmacists. About 88.6% thought that OC caused some side effects and abnormal menstruation was common (60.1%) , followed by weight gain (55.5%) The 27.5% of respondents thought that OC were suitable for everyone, especially those who had severe acne. However, 62.58% of respondents refused of take OC. Main reason was side effects (34.1%). It is suggested that pharmacist should take part in managing acne problem in female adolescences by counseling them for the appropriate use of OC and other drugs in acne and avidance or decrease of drug’s side effects.
.