หน่วยคลังข้อมูลยา
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ยา drospirenone เพิ่มความเสี่ยงในการอุดตันของหลอดเลือดแดงและดำ

ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 4 เดือน ตุลาคม ปี 2555 -- อ่านแล้ว 12,571 ครั้ง
 
ผู้หญิงที่ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่มีส่วนประกอบของยา drospirenone อาจมีความเสี่ยงในการเกิดหลอดเลือดแดงอุดตันมากกว่าผู้ที่ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดที่ไม่มีส่วนประกอบของยานี้ คำกล่าวนี้เป็นผลมาจากการศึกษาย้อนหลังโดย นายแพทย์ Stephen Sidney และคณะ เพื่อประเมินความเสี่ยงของการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันจากการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมแบบใหม่ (drospirenone/ethinyl estradiol , DRSPs) กับยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่มีปริมาณestrogen น้อย 4 ชนิด คือ levonorgestrel (0.10 mg)/ethinyl estradiol (20 μg), levonorgestrel (0.15 mg)/ethinyl estradiol (30 μg), norethindrone (1 mg)/ethinyl estradiol (20 μg) และ norgestimate (0.18 - 0.25 mg)/ethinyl estradiol (35 μg) ในผู้ใช้ยารายใหม่จำนวน 573,680 ราย ระหว่างปีค.ศ. 2001-2007 ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มผู้ที่ใช้ DRSPs มีโอกาสเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน (venous thromboembolic events, VTE) มากกว่าผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่มีปริมาณestrogenน้อย คิดเป็นร้อยละ 77 (hazard ratio 1.77; 95% confidence interval 1.33–2.35) และ ยังมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงอุดตัน(arterial thromboembolic events, ATE) มากกว่าเป็น 2 เท่า โดยการเกิดภาวะหลอดเลือดดำและแดงอุดตันจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงอายุ10-34 ปี และ 35-55 ปี ตามลำดับ ในผู้ที่ใช้ DRSPs จากการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิด DRSPs มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะหลอดเลือดดำอุดตันมากกว่าผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมตัวอื่นๆ ดังนั้นควรจะระมัดระวังการเลือกใช้ยาฮอร์โมนคุมกำเนิดให้เหมาะสมกับผู้ใช้ยาแต่ละราย
 
ข่าวยาล่าสุด
    ดูข่าวยาทั้งหมด


หน่วยคลังข้อมูลยา

447 ถ.ศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
 
ออกแบบและพัฒนาโดย งานเทคโนโลยีสารสนเทศฯ คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล
Copyright © 2013-2020
 
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เราใช้เทคโนโลยีคุกกี้เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง การเปิดให้ใช้คุณสมบัติทางโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าเว็บไซต์ของเรา การใช้งานเว็บไซต์ต่อถือว่าคุณยอมรับการใช้งานคุกกี้